เที่ยวมะละกาเมืองมรดกโลก Malacca MALAYSIA
สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจเมืองมรดกโลกของประเทศมาเลเซียที่แนะนำให้ได้ไป เยือนสักครั้งคือ เมืองมะละกา(Malacca,Malaysia) ซึ่งเมืองมะละกานี้เป็นเมืองประวัติศาสตร์ชนชาติของชาวมาเลย์ซึ่งปัจจุบันเมืองมะละกาเป็นเมืองมรดกโลกสำหรับการมาเที่ยวเมืองประวัติศาสตร์มะละกา มีสถานที่ต่างๆให้ชมเยอะ มะละกา เป็นเมืองเล็กๆที่น่ารักมาก คนที่นี่ก็น่ารักจะยิ้มแย้มตลอด ลองหาโอกาสเดินทางมาสัมผัสบรรยากาศเมืองมรดกโลก มะละกา ประเทศมาเลเซียกันนะคะ มะละกา (Malacca) เป็นรัฐหนึ่งทางตอนใต้ของมาเลเซีย เคยเป็นอาณานิคมของโปรตุเกส ฮอลันดา แล้วก็อังกฤษ
โดยประวัติของเมืองมะละกา เมืองนี้เริ่มต้นราวๆปี ค.ศ. 1396 โดยเจ้าชายพาราเมสวาราที่ลี้ภัยมาจากเกาะสุมาตรา เมือง นี้ตั้งชื่อมาจากต้นมะละกาที่เจ้าชายทรงพบ ต่อมาเมืองก็เจริญรุ่งเรืองตามลำดับ ขยายเป็นเมืองท่าที่มีพ่อค้ามากมายจากหลายชาติ เช่น จีน อินเดีย แขกอาหรับ รวมถึงยุโรป นอกจากนั้นมะละกา เป็นเมืองที่ศาสนามุสลิมเข้ามาแพร่หลายในมาเลเซียเป็นครั้งแรกโดยมาจากเมือง ปาเซ ประเทศอินเดีย คงเป็นเพราะการค้าขายนี่แหละพวกพ่อค้าเรือสำเภาจากอินเดียทำให้ศาสนามุสลิม แพร่หลายไปทั่วเมืองมาเลเซียและการปกครองก็เปลี่ยนเป็นแบบสุลต่าน ตามแบบของมุสลิมไปอย่าง ที่ทราบกันสมัยก่อนโน้น
โปรตุเกสเป็นมหาอำนาจทางเรือประเทศแรกของโลกก็ว่าได้และเข้ามารุกรานมะละกา เมื่อได้ขึ้นฝั่งก็สร้างป้อมทหารริมฝั่งก่อนเพื่อน ป้อมทหารนี้สามารถมองลงมาถึงแม่น้ำ ป้อมมีชื่อว่า ฟาโมซา (The Famosa)จัดว่าเป็นสถาปัตยกรรมของยุโรบที่เก่าแก่ที่สุดในเอเซียตะวันออกเฉียงไต้ ตลอดเวลาที่โปรตุเกสมีอำนาจเหนือมะละกา ป้อมฟาโมซาเป็น ป้อมทหารที่แข็งแกร่งและมีอำนาจมากที่สุดในภาคตะวันออกไกล ภายในป้อมฟาโมซามีร้านค้า ปราสาท ห้องประชุมสำหรับสภาการปกครองและห้องประชุมสำหรับโบสถ์คาธอลิคถึง ห้านิกายทีเดียวเชียว
ภายหลังพวกฝรั่งคงเห็นทำเลดีเห็นว่า มีช่องแคบกำบังลมและช่วยย่นระยะทางไปจีนหรือทางตะวันออกไกลได้พอ พวกโปรตุเกสเริ่มมาตั้งสถานีการค้าบ้างคงอยากจะค้าขายพวกเครื่องเทศ ไม้ งาช้างฯลฯ แต่เจ้าเมืองมะละกาไม่ยอมเลยรบกัน ตอนหลังพวกดัทช์หรือพวกฮอลันดาเข้ามาไล่โปรตุเกส ต่อไปดัทช์ยึดมะละกาและหาผลประโยชน์จากมะละกาหลายปีเชียว ต่อ มาอังกฤษกับพวกดัทช์ทำข้อตกลงกันแลกเมืองกันครองตอนนั้นอังกฤษมีอิทธิพลอยู่ ที่อินโดนีเซีย อังกฤษเลยมาขอแลกมะละกากับพวกดัทช์ๆโอเคเพราะเห็นว่าอินโดฯใหญ่กว่ามีทรัพยากรมากกว่าพออังกฤษยึดมะละกาและผนวกเอาสิงคโปร์ ปีนังเข้าไปด้วยเสียเลย เป็นชื่อว่า “นิคมช่องแคบ ” ภายไต้กาารปกครองของอังกฤษเป็นร้อยปี หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นอิสระและรวมเข้าเป็นสหพันธรัฐมาลายาและเป็นส่วนหนึ่งของมาเลเซีย
แหล่งท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อของเมืองมะละกา(Malacca)เมืองมรดกโลก เมือง มะละกาแบ่งเป็นสองฝั่งแม่น้ำ ฝั่งฝรั่งที่เป็นตึกแดงๆ มีพิพิธภัณฑ์เยอะ มีจุดท่องเที่ยวที่เป็นแลนด์มาร์คของเมืองป้อมปืน หอนาฬิกา โบสถ์ ตึกแดงอีก ฝั่งแม่น้ำเป็นไชน่าทาวน์ เป็น จุดรวมโรงแรมราคาประหยัด และร้านอาหารอร่อยๆ รวมทั้งถนนคนเดิน ไฮไลท์ ก็คือ เมืองเก่า เหมาะสำหรับเดินเที่ยวชมตึกรามบ้านช่องโบราณ สภาพค่อนข้างเดิมๆ และสมบูรณ์
1.The Stadhuys (สตัดฮุย) เป็นอาคารเก่าแก่สร้างมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1650 สร้างไว้สำหรับผู้ว่าการรัฐชาวดัชต์ สถาปัตยกรรมเป็นแบบดัตช์ ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์และพิพิธภัณฑ์ชนชาติวิทยา ปิดวันจันทร์ครับ ค่าเข้าเพียง 5 ริงกิต แต่มีสิ่งน่าสนใจให้ชมมากมาย
2.Christ Church (โบสต์คริสต์) ส่วนโบสต์คริสต์ สร้างในปี ค.ศ. 1753 สถาปัตยกรรมเป็นแบบดัตช์ ที่นี่เข้าชมฟรี มีซุ่มขายภาพเขียนและของที่ระลึกขายอยู่ใกล้ๆกันด้วย
3.Jonger Street ซึ่งเป็นแหล่งรวมทุกสิ่งอย่างของมะละกา หลายคนบอกว่า ไป Jonker Street ให้ไปทั้งเช้า และกลางคืน เพราะบรรยากาศและของขายจะต่างกันซึ่งการเดินเที่ยวที่ Jonger Street จะมีขนม และน้ำหวาน มีร้านเสื้อผ้า รองเท้าแตะ และของฝากขายตลอดทางราคาไม่แพง
4.Dutch Square ซึ่งถือว่าเป็น Landmarkของมะละกา จัดเป็นอีกหนึ่งแหล่งที่สามล้อดอกไม้จะมาประชันเรียกลูกค้ากันหนาแน่น
5.St. Paul Churchโบสถ์นี้เค้าว่ามีประวัติย้อนหลังไปถึงปี ค.ศ.1521 เลย ทีเดียว และต่อมาเมื่ออังกฤษเข้ามาครองมะละกา โบสถ์แห่งนี้ก็ถูกละเลย และใช้เป็นที่เก็บดินระเบิด โบสถ์นี้สร้างขึ้น โดยชาวโปรตุเกส แต่ถูกพวกดัตช์เปลี่ยนมาเป็นสถานที่ฝังศพของบุคคลสําคัญผู้กล้าหาญข้างหน้ามีรูปนักบุญ เซนต์ ฟรานซิส ซาเวียร์
6.Famoza Fort ป้อม ฟาโมซา เป็นป้อมที่พวกโปรตุเกสสร้างเพื่อต้านการบุกรุกของดัทซ์
7.พระราชวัง สุลตาเน็ตมะละกา เข้าไปชมเสียคนละ 2 RM พร้อม รับถุงพลาสติกเพื่อเอามาใส่รองเท้า เนื่องจากไม่อนุญาตให้สวมรองเท้าเข้าภายในตัววัง จึงควรใส่ถุงถือไปตัวพระราชวังนี้ ปิดทุกวันอังคาร
8.ตึกอนุสรณ์การประกาศเอกราช สร้างในปี ค.ศ. 1912 จัดแสดงประวัติการได้มาซึ่งเอกราช เข้าชมฟรี ติดแอร์ด้วย เย็นดี ปิดทุกวันจันทร์
9.กิจกรรม ล่องเรือ รอบละ 10 ริงกิต 45 นาที แล้วก็มีจานหมุนขึ้นไปชมเมืองจากมุมสูง 7 นาที 20 ริงกิต
เมนูแนะนำเมื่อมาเยือนมะละกา
1.ที่ย่าน Jonker street มี ร้านขนมที่น่าสนใจอยู่ร้านหนึ่งจำชื่อไม่ได้ ที่ขนมจะมีลักษณะ คือ เหมือนน้ำแข็งใสใส่ลอดช่องถั่วแดงราดกะทิ (แปลกๆ) แปลกทั้งส่วนผสมแปลกทั้งรสชาติ เเละมีน้ำเชื่อมที่ทำจากน้ำตาลทรายแดงอยู่ก้นถ้วย เป็นขนมหวานดั้งเดิมของที่นี่ถ้วยละ 4 ริงกิต เป็นร้านที่เดินเข้าไป Jonker street ประมาณ150 เมตร อยู่ด้านขวามือคนเยอะมากๆ
2.ข้าวมันไก่ฟอร์โมซ่า และ ร้านจีโอกราฟเฟอร์
3.ข้าวมันปั้นไก่ Chicken Rice ball (มาเที่ยวที่มะละกา แนะนำต้องลองชิมเมนูนี้ ) อาหารจีนขึ้นชื่อของที่นี่เค้าจะเอาไปปั้นเป็นก้อนกลมๆ และข้าวจะถูกหุงให้ข้าวแตกมาก ถึงมากที่สุดค่ะข้าวกลมนี้มีเฉพาะที่นี่นะ ไม่ควรพลาด
Hotel in Malacca : แนะนำ Cafe1511 Guest house / Home Stay Guest house/บ่าบ๋าเฮ้าส์ / โฮเทลปุริ ,/ Holiday Inn Melak
การเดินทางไปมะละกา จากกรุงกัวลาลัมเปอร์มาเมืองมะละกา สามารถเดินทางโดย ขึ้น KLIA TRANSIT รถไฟฟ้าสายนี้เชื่อมต่อไปยังสถานีขนส่งใหม่ ชื่อ Bandar Tasik Selatan (BTS) สถานีนี้ทำใหม่ สะอาดสวยเชียว พอมาถึง Melaka Sentral Bus Station แล้วก็นั่งรถบัสเขียวสาย 17 ไปยังเมืองเก่า ใช้เวลาประมาณ 15 นาที ค่าโดยสาร 1 ริงกิต วิธีการ ให้มองหาป้ายบอกทาง Domestic Bus Terminalเมื่อ เดินเข้าไปแล้วมันจะเป็นวงกลมแบบโดนัท ไอ้รูตรงกลางเป็นร้านขายของ เนื้อโดนัทเป็นทางเดินและเก้าอี้นั่ง ขอบนอกของโดนัทจะเป็นประตูออกไปยังชานชาลาต่างๆ รถสายสิบเจ็ดจะเป็นรถแอร์สีแดง เดินเข้าโดนัทไปจะอยู่ฝั่งซ้ายมือ พอถึง Clock Towerคนลงเยอะๆ ล่ะลงตรงจุด Landmark เรื่องการชมเมือง ใช้การเดินชมก็ได้ เนื่องจากจุดต่างๆอยู่ใกล้ๆกัน

Add a Comment
You must be logged in to post a comment