ท่องเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตนเอง
เที่ยวฮาโกเน่ วัดเซนโซจิ นิกโก้เมืองมรดกโลก
วัดเซนโซจิ Senso-ji temple
ตั้งอยู่ในแขวง อะสะกุสะ Asakusa เขต ไทโต Taito-ku ของเมือง โตเกียว Tokyo ภูมิภาค คันโต บนเกาะ ฮอนชู เป็นวัดที่เก่าแก่ที่สุดในกรุงโตเกียว ที่มีผู้คนนิยมไปเข้านมัสการขอพรจากพระโพธิสัตว์กวนอิมที่ชาวญี่ปุ่นเรียกว่า “คันนง” (観音 Kannon) เมื่อเดินทางมาถึงวัด เซนโซ จะเจอกับประตูทางเข้าที่มีลักษณะโดดเด่นอันเป็นสัญลักษณ์ของวัดเซนโซ ด้วยโคมไฟขนาดยักษ์ (คะมะนิริมง Kaminarimon หรือประตูสายฟ้า) ที่มีความสูงถึง 4.5 เมตรซึ่งแขวนอยู่หน้าประตูทางเข้าวัด
กิจกรรมหลังจากขอพรเสร็จเรียบร้อยแล้วผู้มาเยือนนิยมไปเดินถนนช้อปปิ้งชื่อเสียงของวัด หรือ ถนนนาคามิเซ Nakamise มีร้านขายของที่ระลึกมากมายไม่ว่าจะเป็นเครื่องรางของขลัง ของเล่นโบราณ และร้านขายขนม ของฝากที่เป็นแบบญี่ปุ่นแท้ๆ Made In Japan รวมทั้งข้าวของเครื่องใช้คุณภาพดี มากมาย อาทิเช่น ร่ม, หมวก, รองเท้า, กระเป๋า, เสื้อผ้า เป็นต้น
การเดินทาง ใช้บริการ Tokyo metro ลงที่สถานี Asakusa เช่นสาย Ginza Line
ช้อปปิ้งมหานครโตเกียว (อ่านต่อ…)
เที่ยวโตเกียวดีสนี่แลนด์ (อ่านต่อ..)
เมืองนิกโก Nikko
ตั้งอยู่ในทิวเขาจังหวัด โทะชิงิ Tochigi-Ken ภูมิภาคคันโต บนเกาะฮอนชู อยู่ห่างจาก กรุงโตเกียวราว 140 กิโลเมตร สถานที่นี้เป็นแหล่งที่มาของความภาคภูมิใจสำหรับประเทศญี่ปุ่น มีวัดและศาลเจ้าให้นักท่องเที่ยวเข้าชมได้สัมผัสความรู้สึกถึงประวัติศาสตร์อันยาวนานของญี่ปุ่นและธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ที่แท้จริง เป็นพื้นที่ที่เต็มไปด้วยสิ่งปลูกสร้างเก่าแก่ทางประวัติศาสตร์มากมาย รวมทั้งศาลเจ้าที่มีชื่อเสียง
นิโกโทโช Nikko Tosho-gu shine ค่าธรรมเนียมเข้าชม 1,300 Yen ที่องค์การยูเนสโก UNESCO ให้เป็นมรดกโลกมีบรรยากาศโดยรอบเต็มไปด้วยความงามทางธรรมชาติที่น่าตื่นตาตื่นใจ อีกทั้งยังมีรีสอร์ทน้ำพุร้อน และ อุทยานแห่งชาตินิกโก นับว่าเป็นเมืองท่องเที่ยวที่นิยมของทั้งชาวญี่ปุ่นและชาวต่างประเทศ
โดยเฉพาะในฤดูใบไม้เปลี่ยนสีหรือฤดูใบไม้ร่วงของญี่ปุ่นที่มีความโดดเด่นคือ สีใบไม้จะค่อยๆเปลี่ยนจากสีเขียว เป็น สีเหลือง สีส้ม สีแดง ก่อนจะร่วงจากต้นจนหมด อวดความสวยงามให้แก่นักท่องเที่ยวและประชาชนชาวญี่ปุ่น ได้ชื่นชมความงามกันประจำทุกปี โดยฤดูกาลนี้จะอยู่ในช่วง เดือนกันยายน – พฤศจิกายน ของทุกปี อุณหภูมิเฉลี่ยจะอยู่ที่ 15-25 องศาซึ่งเมือง Nikko ตั้งอยู่ห่างจากกรุงโตเกียวโดยใช้เวลาเดินทางเพียง 1-2 ชั่วโมงจากกรุงโตเกียวที่สามารถเยี่ยมชมได้อย่างง่ายดาย
การเดินทาง Nikko Tosho-gu shine นั่งรถไฟ Tobu ลงรถไฟที่สถานี Tobu Nikko station /ต่อรถบัสอีก 7 นาที ( ตั๋ว 500 Yen day pass) ลงที่ Shinkyo Bus stop / เดินต่ออีกประมาณ 10 นาที สามารถซื้อตั๋วรถไฟออนไลน์ได้จากเว็บไซต์ของ Tobu railway : http://www.tobu.co.jp/foreign/en/pass/
Lake Chuzenji ทะเลสาบชูเซ็นจิ
มีความงามให้ชมในทุกฤดูกาลทั้งฤดูหนาวที่มีหิมะตก และ การชมใบไม้เปลี่ยนสีในฤดูใบไม้ร่วงช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดที่จะไปเยี่ยมชมคือช่วงประมาณปลายเดือน ตุลาคม ซึ่งตั้งอยู่เหนือพื้นดินที่ 1,269 เมตร โดยทะเลสาบ Chuzenji เป็นทะเลสาบที่มีชื่อเสียงของ อุทยานแห่งชาติ Nikko โดยใบไม้สีแดงสีเหลืองและสีส้มใบจะสะท้อนให้เห็นบนพื้นผิวของทะเลสาบ นอกจากนี้ยังมีบริการทัวร์ล่องเรือ Autumn Leaves Tour ท่องทะเลสาบชมบรรยากาศโดยรอบที่งดงามไว้บริการนักท่องด้วย
การเดินทาง จะใช้เวลาเดินทางประมาณ 45 นาทีโดยนั่งรถบัสจากสถานี Tobu Nikko station ไป Chuzenji Hot spring ลงที่สถานี,Chuzenji Onsen Bus stop (No.24) แล้วเดินต่ออีกประมาณ 5 นาที
Senjogahara และ Odashirogahara
ช่วงเวลาที่ดีที่สุดเข้าเยี่ยมชมปลายเดือนกันยายนถึงต้นเดือนตุลาคม ซึ่งสถานที่ทั้งสองแห่งเหล่านี้เป็นพื้นที่ชุ่มน้ำที่โดดเด่น ของญี่ปุ่น สามารถดูการเปลี่ยนสีของหญ้าในพื้นที่ชุ่มน้ำพร้อมกับเส้นทางเดินป่าที่ดีแห่งหนึ่งสำหรับการดูสีของใบไม้ในฤดูใบไม้ร่วง เป็นเส้นทางธรรมชาติที่ให้ความรื่นรมย์ซึ่งจะใช้เวลาเที่ยวสองชั่วโมง ทางจะคดเคี้ยวผ่านพื้นที่ชุ่มน้ำและล้อมรอบด้วยความงามของธรรมชาติ
การเดินทาง Senjogahara จะใช้เวลาเดินทางประมาณ 55 นาทีโดยนั่งรถบัสจากสถานี Tobu Nikko station ไปที่ Yumoto Hot spring ลงสถานี, Sanbomatsu Bus stop (No.88) แล้วเดินต่ออีกเป็นระยะทางสั้นๆ และการเดินทางไป Odashirogaharaจะใช้เวลาเดินทางประมาณ 55 นาทีโดยนั่งรถบัสจากสถานี Tobu Nikko station ไปที่ Yumoto Hot spring จะมีรถบัสแบบ Low emission buses ไปส่งจะมีบริการเฉพาะช่วงปลายเดือนเมษายน-พฤศจิกายน หรือลงที่สถานี Akanuma Bus stop (No.37) แล้วเดินต่ออีกประมาณ 20 นาที
Hot spring Resorts in the city of Nikko
เมือง Niko นับได้ว่าเป็นเมืองแห่งรีสอร์ทน้ำพุร้อน ที่มีอยู่จำนวนมาก ไว้บริการ ให้นักท่องเที่ยวเลือกตามความต้องการเช่น Kinukawa onsen / Oku-kinu Osen-kyou เป็นหมู่บ้านน้ำพุร้อนธรรมชาติ Hot spring ที่ตั้งอยู่ตามแนวริมแม่น้ำ Kinu-gawa River ที่ไหลผ่านลงมาจากอุทยานแห่งชาตินิโก Nikko National Park ซึ่งใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมงจากย่าน Asakusa เมืองโตเกียว นักท่องเที่ยวมักนิยมเดินทางไป ออนเซน หรือแช่น้ำพุร้อนธรรมชาติเพื่อสุขภาพกันมี Hot spring ที่อื่นๆเช่น Kawaji Hot spring , Yunishigawa Hot spring,Yumoto Hot spring, Chuzenji Hot spring Resort เป็นต้น
การเดินทาง นั่งรถไฟ สาย Tobu Kinugawa ลงรถไฟที่สถานี Kinugawa-onsen station และจากสถานี Kinugawa-onsen station หากต้องการเดินทางไปที่ Oku-kinu Osen-kyo ต้องนั่งรถบัสต่อไปอีกราว 1ชั่งโมง 45 นาที การเดินทางสามารถซื้อตั๋วออนไลน์ได้จากเว็บไซต์ของ Tobu railway : http://www.tobu.co.jp/foreign/en/pass/
เมืองฮาโกเน่( Hakone)
อยู่ในจังหวัดคานางาวะ ( kanagawa) ภูมิภาคคันโต (Kanto) บนเกาะฮอนชู (Honshu) มีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่งดงามมี วนอุทยานแห่งชาติฮาโกเน่ มีแหล่งน้ำพุร้อนธรรมชาติมากมายมีศาลเจ้าฮาโกเน่ จินจะและมีที่พักแบบ เรียวกัง Ryokan ไว้บริการนักท่องเที่ยว และยังมีบริการล่องเรือชมทะเลสาบอชิ ไว้บริการนำเที่ยวเพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ชมทัศนียภาพที่งดงามและมีจุดชมวิวภูเขาไฟฟูจิที่โดดเด่นหลายแห่งโดยนั่งรถราง กระเช้าลอยฟ้า ล่องเรือสำราญ สำหรับการท่องเที่ยวที่ เมืองฮาโกเน่จะนิยมท่องเที่ยวด้วยการใช้บริการนำเที่ยวด้วยยานพาหนะต่างๆ ที่มีไว้บริการเพื่อให้นักท่องเที่ยวสามารถชมจุดท่องเที่ยวในฮาโกเน่ได้อย่างดีที่สุด
กิจกรรมที่น่าสนใจเช่น นั่งรถไฟ Hakone Tozan Railway ซึ่งเป็นรถไฟวิ่งบนบนภูเขาแห่งแรกของญี่ปุ่น เพื่อชมธรรมชาติ เดินทางสะดวกเมื่อเดินมาจากชินจุกุ ลงสถานี Hakone-Yumoto station ก็จะเจอกับรถไฟสายฮาโกเน่โทซังทันทีซึ่งรถไฟสายนี้นอกจากนักท่องเที่ยวยังคงมี ประชาชนทั่วไปที่ใช้บริการเพื่อไปทำงานและไปโรงเรียนซึ่งจะมีจำนวนมากในช่วงเช้าและเย็นด้วย การเที่ยวล่องเรือ ชมทะเลสาบอาชิ Lake Ashi หรือ Hakone Lake จะเห็นภูเขาไฟฟูจิซึ่งเป็นมุมชมธรรมชาติที่สวยงามมากแตกต่างไปตามฤดูกาลและมีมุมที่สามารถมองเห็นประตูสีแดงของศาลเจ้าในทะเลสาบอชิด้วย โดยมีท่าเรือบริการ 3 แห่ง ซึ่งมีเอกลักษณ์และวิวทิวทัศน์ที่ต่างกัน คือ ท่าเรือ ฮาโกเน่ ท่าเรือโมโตะ-ฮาโกเน่ ท่าเรือโทเง็นได นั่งกระเช้าลอยฟ้าสายฮาโกเน่ เพื่อมองดูวิวทิวทัศน์ 360 องศา โดยเฉพาะฤดูกาลใบไม้เปลี่ยนสีที่สวยงามของทิวเขาและหุบเขาจิโกคุดานิในแนวพาโนรามาที่เป็นเอกลักษณ์ของฮาโกเน่ด้วย เที่ยวหุบเขาโอวาคุดานิ (O-waku-dani) ที่ยังครุกรุ่นด้วยควันจากบ่อกำมะถันเดือดอยู่ตลอดเวลา ชมบ่อน้ำแร่กำมะถันซึ่งสามารถต้มไข่ให้สุกได้โดยชาวญี่ปุ่นมีความเชื่อว่าหากได้ทานไข่ดำหนึ่งฟองจะสามารถทำให้อายุของท่านยืนยาวขึ้นอีกประมาณ7ปี
การเดินทาง นั่งรถไฟบนสาย Odakyu line จากสถานีชินจุกุ ลงสถานี Hakone-Yumoto station ใช้เวลาประมาณ 90 นาที แนะนำนั่งรถไฟด่วนพิเศษของโอดะคิว “Romance car” ซึ่งต้องจองตั๋วล่วงหน้าเท่านั้นซึ่งจะทำให้เห็ววิวทิวทัศน์ที่สวยงามตลอดเส้นทาง ดูรายละเอียดการจองตั๋ว ตารางเดินรถ และมีตั๋วราคาประหยัดสำหรับนักท่องเที่ยวแบบ Free Pass บัตรโดยสารไม่จำกัดจำนวนเที่ยวที่เว็บไซต์อย่างเป็นทางการ http://www.odakyu.jp/thai/
ข้อมูลการเดินทางเส้นทางการท่องเที่ยวและตั๋วแพ็กเกจทัวร์ฮาโกเน่ของท้องถิ่นเพิ่มเติมที่ http://www.hakonenavi.jp/thai/traffic/
พิพิธภัณฑ์ราเม็ง (Shin-Yokohama Raumen Museum)
เดินทางไปลิ้มรส “ราเม็ง” สูตรดั้งเดิมและชม พิพิธภัณฑ์ราเม็ง (Shin-Yokohama Raumen Museum) ซึ่งเป็นแหล่งรวมราเม็งที่มีชื่อเสียงที่สุดของประเทศญี่ปุ่น พร้อมสัมผัสต้นตำรับการปรุงราเม็งในยุคอดีตจนถึงยุคปัจจุบัน ที่เมืองโยโกฮาม่า (Yokohama) ซึ่งเป็นเมืองหลวงของจังหวัดคะนะงะวะ (Kanagawa) ภูมิภาคคันโต บนเกาะฮอนชู(Honchu) อยู่ใกล้กับเมืองโตเกียวที่มีบทบาทมากในช่วงการเปิดประเทศค้าขายกับชาวตะวันตกของญี่ปุ่นในช่วงปี ค.ศ. 1859 จากหมู่บ้านชาวประมงเล็กๆ จึงกลายเป็นเมืองท่าพาณิชย์ที่สำคัญมากเมืองหนึ่งของญี่ปุ่น
การเดินทาง นั่งรถไฟ JR Tokaido Main Line limted express จากสถานี Tokyo station ไปลงที่สถานี Shin-Yokohama Station ใช้เวลาเดินทางประมาณ 18 นาที จากนั้นตอนเดินต่ออีก 5 นาที ก็จะถึง Shin-Yokohama Raumen Museum
ค้นหาโรงแรมที่พักราคาโปรโมชั่นพิเศษในญี่ปุ่นได้ที่นี่

Add a Comment
You must be logged in to post a comment